ข้อแตกต่างระหว่างเพชรปลอม กับ เพชรแท้ แหวนเพชรแท้ ที่จะสังเกตได้มีอะไรบ้าง?

เพชร CZ ต่างจากเพชรแท้ยังไง ?

เพชรแท้ คือ เพชรที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ จากธาตุ C (คาร์บอน) ที่โดนแรงกดดัด ความร้อน และอุณหภูมิที่สูงมาก ผ่านกาลเวลานานเป็นล้านล้านปี จนกลายมาเป็นเพชร (Diamond)

เพชร จัดเป็นอัญมณีที่มีความนิยมเป็นอย่างสูง และมีมูลค่าสูงในท้องตลาด เพชรเป็นแร่ที่เกิดจากธรรมชาติ ที่เกิดจากธาตุคาร์บอน (Carbon) เพียงตัวเดียว ที่อยู่ภายใต้อุณหภูมิและแรงอัดสูงมาก ทำให้ธาตุคาร์บอน (Carbon)ก่อตัวเป็นเพชร และการระเบิดของภูเขาไฟ ส่งผลทำให้หินที่มีเพชรผสมอยู่ ถูกดันขึ้นสู่ผิวโลก

เพชรจึงเป็นอัญมณีที่มีค่ามาก เป็นวัตถุธรรมชาติที่แข็งที่สุดเทียบตามระดับความแข็งเท่ากับ 10 ตามโมส์สเกล (Mohs scale) ซึ่งหมายถึง ความทนทานต่อการขูดขีดให้เป็นรอยด้วยวัตถุต่างๆ ได้ ยกเว้นเพชรด้วยกันเองเท่านั้นถึงจะทำให้เป็นรอยได้ นอกจากนี้ยังมีความวาวแบบเพชร (Adamantine) มีค่าดัชนีหักเหแสงสูง ทำให้เพชรแสดงความวาวและประกาย(luster and brilliancy) ออกมาได้สูงมาก เพชรที่เจียระไนได้สัดส่วนอย่างถูกต้อง จะสามารถสะท้อนแสงระยิบระยับเป็นประกายออกมาได้สวยงามมากที่สุด อันเป็นสมบัติที่อัญมณีชนิดอื่นไม่อาจเทียบเทียมได้เลย.....

เพชรสังเคราะห์ หรือ CZ (Cubic zirconia) คือ เพชรที่ถูกผลิตขึ้นมาเลียนแบบเพชรของธรรมชาติ โดยใช้วิธีการตกผลึกของผงเซอร์โคเนียม ( zirconium dioxide) โดยย่นระยะเวลาของธรรมชาติหลายล้านปีมาเป็นแค่ไม่นานก็ได้เพชร CZ ออกมา ซึ่งมีคุณสมบัติแทบจะเหมือนเพชรในทุกประการ

เพชรสังเคราะห์ หรือ CZ (Cubic zirconia)

เพชรที่ถูกผลิตขึ้นมาเลียนแบบเพชรของธรรมชาติ โดยใช้วิธีการตกผลึกของผงเซอร์โคเนียม (

zirconium dioxide)

เปรียบเทียบคุณสมบัติของเพชรแท้กับเพชร CZ

เปรียบเทียบคุณสมบัติของเพชรแท้กับเพชร

CZ

CZ

เพชรแท้จะมีความแข็งมากกว่าเพชรสังเคราะห์ เมื่อมีการเจียระไน เพชรแท้จึงมีเหลี่ยมที่คมชัดกว่าเพชรสังเคราะห์อย่างชัดเจน โดยเฉพาะบริเวรรอยต่อของเหลี่ยมการเจียระไนเพชร

ข้อแตกต่างระหว่างเพชรปลอม กับ เพชรแท้ที่จะสังเกตได้มีอะไรบ้าง ? (เพชรร่วงเท่านั้น)

ข้อแตกต่างระหว่างเพชรปลอม กับ เพชรแท้ที่จะสังเกตได้มีอะไรบ้าง

ข้อแตกต่างระหว่างเพชรปลอม กับ เพชรแท้ที่จะสังเกตได้มีอะไรบ้าง

? (เพชรร่วงเท่านั้น)

- การทดสอบด้วยลมหายใจ

การทดสอบด้วยลมหายใจ

วางเพชรแท้ และเพชร ที่สงสัยไว้ด้วยกัน แล้วหายใจออกรดเพชรทั้ง 2 เม็ด เพชรทั้งคู่ก็จะมีฝ้าจับ แต่เพชรแท้นั้นฝ้าที่จับอยู่จะหายไปอย่างรวด เร็ว ในขณะที่เพชรปลอม ( CZ) ฝ้าจะหายไปในเวลาที่ช้ากว่า เนื่องจากเพชรแท้มีลักษณะเป็นสื่อความร้อนที่ มากกว่า

วางเพชรแท้ และเพชร ที่สงสัยไว้ด้วยกัน แล้วหายใจออกรดเพชรทั้ง

เม็ด เพชรทั้งคู่ก็จะมีฝ้าจับ

แต่เพชรแท้นั้นฝ้าที่จับอยู่จะหายไปอย่างรวด เร็ว

ในขณะที่เพชรปลอม (

ฝ้าจะหายไปในเวลาที่ช้ากว่า

เนื่องจากเพชรแท้มีลักษณะเป็นสื่อความร้อนที่ มากกว่า

- การมองทะลุ (Look through)

- การมองทะลุ (Look through)

เนื่องจากเพชรมีค่าการหักเหแสง (Refrective Index: RI) ที่สูงมาก เมื่อเราวางคว่ำเพชรไว้บนกระดาษที่มีตัวหนังสือ เราจะไม่สามารถมองทะลุเห็นตัวหนังสือได้คะ ในขณะที่เพชรเลียนแบบหลายชนิด มีค่า RI ต่ำ เมื่อนำไปวางคว่ำลงบนตัวหนังสือ จะสามารถอ่านตัวหนังสือออก และสามารถทดสอบการหักเหคู่หรือที่เรียกว่า Doubling โดยดูจากหน้าเพชร ที่เหลี่ยม star ถ้าเห็นเหมือนมีเส้นซ้อนอีกเส้น ไม่ใช่เพชรแน่คะ อาจเป็นเพชรโมอีส ซึ่งเป็นอัญมณีที่มีสมบัติทางแสงเป็นหักเหคู่ ขณะที่เพชรแท้ จะเป็นหักเหเดี่ยวนะคะ

- การทดสอบด้วยไฟฉาย (แสงสีขาว)

การทดสอบด้วยไฟฉาย (แสงสีขาว)

เมื่อวาง CZ คว่ำ หน้าลง แล้วใช้ไฟฉายส่องไปที่ด้านหน้าของ CZ  ( จากด้านล่าง) แล้วให้สังเกตประกาย ของแสงจากด้านบน (ด้านแหลม ก้นของ CZ) ส่วนมาก CZ จะแสดงประกายแสงสีส้มออกมา

เมื่อวาง

คว่ำ หน้าลง แล้วใช้ไฟฉายส่องไปที่ด้านหน้าของ

จากด้านล่าง)

แล้วให้สังเกตประกาย ของแสงจากด้านบน (ด้านแหลม ก้นของ

ส่วนมาก

จะแสดงประกายแสงสีส้มออกมา

- การทดสอบการเรืองแสง สามารถตรวจได้แม้กระทั่งอยู่ในตัวเรือน

- การทดสอบการเรืองแสง สามารถตรวจได้แม้กระทั่งอยู่ในตัวเรือน

การทดสอบการเรืองแสง

สามารถตรวจได้แม้กระทั่งอยู่ในตัวเรือน

สามารถตรวจได้แม้กระทั่งอยู่ในตัวเรือน

วางเพชรใต้แสงอัลตร้าไวโอเลต แล้วสังเกตหาการเรืองแสงของเพรช ถ้าเพชรมีการเรืองแสงออกมาเป็นสีฟ้าอ่อนถึงฟ้าเข้ม ก็แสดงว่าเป็นเพชรแท้ แต่ถ้าเพชรไม่มีการเรืองแสงหรือแสงที่ออกกลายเป็นสีส้มหรือสีอื่นๆที่ไม่ใช้โทนฟ้า แปลว่าเพชรปลอมที่เรียกว่า CVD (ทับศัพท์ไปได้เลยคะ) ส่วนแสงที่ออกมาเป็นแสงสีฟ้าใสๆ เพชรเม็ดนั้นจะเป็นเพชรแท้ที่มีคุณภาพดี  ในใบเซอร์จะลงว่า Non-Fluoresence ส่วนแสงที่ได้ออกมาเป็นขาวกึ่งฟ้าขุ่นเราจะเรียกว่า  Strong Fluoresence ทั้งนี้ทั้งนั้น เรายังสบายใจว่าเป็นเพชรแท้ได้ค่ะ

วางเพชรใต้แสงอัลตร้าไวโอเลต แล้วสังเกตหาการเรืองแสงของเพรช

ถ้าเพชรมีการเรืองแสงออกมาเป็นสีฟ้าอ่อนถึงฟ้าเข้ม

ก็แสดงว่าเป็นเพชรแท้

แต่ถ้าเพชรไม่มีการเรืองแสงหรือแสงที่ออกกลายเป็นสีส้มหรือสีอื่นๆที่ไม่ใช้โทนฟ้า แปลว่าเพชรปลอมที่เรียกว่า CVD (ทับศัพท์ไปได้เลยคะ) ส่วนแสงที่ออกมาเป็นแสงสีฟ้าใสๆ

เพชรเม็ดนั้นจะเป็นเพชรแท้ที่มีคุณภาพดี  ในใบเซอร์จะลงว่า Non-Fluoresence

Fluoresence ทั้งนี้ทั้งนั้น เรายังสบายใจว่าเป็นเพชรแท้ได้ค่ะ

- การทดสอบการหักเหของแสง RI (Refractive Index) ตรวจได้เฉพาะเพชรร่วงหรือเพชรที่ยังไม่ได้เข้าตัวเรือน หรือแหวนเพชรทรง Solitaireเท่านั้นคะ

- การทดสอบการหักเหของแสง RI (Refractive Index) ตรวจได้เฉพาะเพชรร่วงหรือเพชรที่ยังไม่ได้เข้าตัวเรือน หรือแหวนเพชรทรง Solitaireเท่านั้นคะ

การทดสอบการหักเหของแสง

วางเพชรแท้ และเพชรที่สงสัยลงไปในแก้วน้ำที่มีน้ำอยู่ จะเห็นได้ว่าเพชรปลอมจะมีลักษณะใสมองทะลุได้ และกลืนหายไปในน้ำ ในขณะที่เพชรแท้ยังสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน เนื่องจากว่า CZ มีค่าดรรชนีการหักเหของแสงอยู่ที่ 2.2 เมื่อเทียบกับเพชร แท้ที่ 2.42

วางเพชรแท้ และเพชรที่สงสัยลงไปในแก้วน้ำที่มีน้ำอยู่ จะเห็นได้ว่าเพชรปลอมจะมีลักษณะใสมองทะลุได้ และกลืนหายไปในน้ำ

ในขณะที่เพชรแท้ยังสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน เนื่องจากว่า

มีค่าดรรชนีการหักเหของแสงอยู่ที่

เมื่อเทียบกับเพชร แท้ที่

- การทดสอบการกระจายของแสงในน้ำ

- การทดสอบการกระจายของแสงในน้ำ

การทดสอบการกระจายของแสงในน้ำ

ในห้องที่มืด ให้วางเพชรแท้ และเพชรที่จะใช้ทดสอบคว่ำหน้าเพชรลงไว้ในที่ก้นของแก้วที่มี น้ำอยู่เต็ม ต่อมาให้ยกแก้วน้ำขึ้นสัก 2-3 นิ้วแล้วเอาไฟฉายส่องจากข้างบน ลงมาเป็นแนวเส้นตั้งฉาก ค่าดรรชนีการกระจายแสงของเพชรแท้นั้นอยู่ที่ 0.44 ในขณะที่ CZ จะอยู่ ที่ 0.66 ซึ่งเท่ากับ 50% มากกว่าเพชรแท้ ดังนั้น เราจะเห็นได้ว่ารัศมีวงกลมของแสงที่กระจายออกมาจากเพชรทั้งสองนั้น จะเป็นแถบสีรุ้งซึ่งมีลักษณะยืดตัวออก แต่เมื่อเปรียบเทียบวงรัศมีของ CZ กับเพชรแท้แล้วนั้น CZ ย่อมจะสร้างวง รัศมีสีรุ้งในการกระจายแสงในน้ำที่ยาวกว่าเพชรแท้ 50%

ในห้องที่มืด ให้วางเพชรแท้ และเพชรที่จะใช้ทดสอบคว่ำหน้าเพชรลงไว้ในที่ก้นของแก้วที่มี น้ำอยู่เต็ม

ต่อมาให้ยกแก้วน้ำขึ้นสัก

นิ้วแล้วเอาไฟฉายส่องจากข้างบน ลงมาเป็นแนวเส้นตั้งฉาก ค่าดรรชนีการกระจายแสงของเพชรแท้นั้นอยู่ที่

ในขณะที่

จะอยู่ ที่

ซึ่งเท่ากับ

มากกว่าเพชรแท้

ดังนั้น เราจะเห็นได้ว่ารัศมีวงกลมของแสงที่กระจายออกมาจากเพชรทั้งสองนั้น จะเป็นแถบสีรุ้งซึ่งมีลักษณะยืดตัวออก แต่เมื่อเปรียบเทียบวงรัศมีของ

กับเพชรแท้แล้วนั้น

ย่อมจะสร้างวง รัศมีสีรุ้งในการกระจายแสงในน้ำที่ยาวกว่าเพชรแท้

- การทดสอบน้ำหนัก

การทดสอบน้ำหนัก

CZ มีน้ำหนัก มากกว่าเพชรประมาณ 55% - 80% ดังนั้นเมื่อเปรียบเทียบกับเพชรในขนาดที่เท่ากัน ความแตกต่างเรื่องของ น้ำหนักจะเห็นได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะกับเพชรที่มีขนาดใหญ่

มีน้ำหนัก มากกว่าเพชรประมาณ

ดังนั้นเมื่อเปรียบเทียบกับเพชรในขนาดที่เท่ากัน

ความแตกต่างเรื่องของ น้ำหนักจะเห็นได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะกับเพชรที่มีขนาดใหญ่

- การทดสอบความถ่วงจำเพาะ

เพชรแท้มีค่าความถ่วงจำเพาะที่สูง จะจมน้ำส่วนเพชรเลียนแบบบางประเภทจะลอยขึ้นมาค่ะ

- การทดสอบสุดท้าย ซึ่งให้ความแม่นยำมากที่สุดแต่ค่าใช้จ่ายก็มากที่สุดด้วย โดยส่วนตัวการแยกเพชร CZ หรือเพชรรัสเซียคุณลูกค้าสามารถทำได้เองง่ายๆ ถ้าซื้อเพชรประจำแนะนำให้ซื้อเครื่องตรวจเพชรที่มีมาตารฐานไปเลยจะคุ้มกว่าค่ ะ

การทดสอบสุดท้าย ซึ่งให้ความแม่นยำมากที่สุดแต่ค่าใช้จ่ายก็มากที่สุดด้วย โดยส่วนตัวการแยกเพชร CZ หรือเพชรรัสเซียคุณลูกค้าสามารถทำได้เองง่ายๆ ถ้าซื้อเพชรประจำแนะนำให้ซื้อเครื่องตรวจเพชรที่มีมาตารฐานไปเลยจะคุ้มกว่าค่ ะ

โดยส่วนตัวการแยกเพชร CZ หรือเพชรรัสเซียคุณลูกค้าสามารถทำได้เองง่ายๆ ถ้าซื้อเพชรประจำแนะนำให้ซื้อเครื่องตรวจเพชรที่มีมาตารฐานไปเลยจะคุ้มกว่าค่ ะ

โดยส่วนตัวการแยกเพชร CZ หรือเพชรรัสเซียคุณลูกค้าสามารถทำได้เองง่ายๆ ถ้าซื้อเพชรประจำแนะนำให้ซื้อเครื่องตรวจเพชรที่มีมาตารฐานไปเลยจะคุ้มกว่าค่

ให้ส่งเพชรที่ สงสัยไปที่สถาบันตรวจสอบคุณภาพเพชรที่เชื่อถือได้ ( AGS, GIA, HRD, IGI, อื่นๆ ) ถ้าสถาบันต่างๆ เหล่านี้ไม่ยอมรับเพชรของคุณไปทดสอบคุณภาพ เพชรนั้นเป็น CZ แน่นอน นี่ เป็นการทดสอบที่แม่นยำที่สุดของทั้งหมดที่กล่าวมาแล้วข้างต้น

ให้ส่งเพชรที่ สงสัยไปที่สถาบันตรวจสอบคุณภาพเพชรที่เชื่อถือได้ ( AGS, GIA, HRD, IGI, อื่นๆ ) ถ้าสถาบันต่างๆ เหล่านี้ไม่ยอมรับเพชรของคุณไปทดสอบคุณภาพ เพชรนั้นเป็น CZ แน่นอน

ให้ส่งเพชรที่ สงสัยไปที่สถาบันตรวจสอบคุณภาพเพชรที่เชื่อถือได้ (

อื่นๆ )

ถ้าสถาบันต่างๆ เหล่านี้ไม่ยอมรับเพชรของคุณไปทดสอบคุณภาพ

เพชรนั้นเป็น

แน่นอน

นี่ เป็นการทดสอบที่แม่นยำที่สุดของทั้งหมดที่กล่าวมาแล้วข้างต้น

นี่ เป็นการทดสอบที่แม่นยำที่สุดของทั้งหมดที่กล่าวมาแล้วข้างต้น

“เพชรสังเคราะห์แบบ CVD และ HPHT” (CVD and HPHT Synthetic Diamond)

“เพชรสังเคราะห์แบบ CVD และ HPHT” (CVD and HPHT Synthetic Diamond)

ในปัจจุบันพบว่า มีเพชรสังเคราะห์(synthetic diamond) ซึ่งสร้างในห้องทดลองหลั่งไหลเข้าสู่ตลาดปะปนกับเพชรธรรมชาติเป็นจำนวนมาก เพชรสังเคราะห์เหล่านี้อาจขายในชื่ออื่นๆ ได้ เช่น lab-grown diamond หรือ created diamond วันนี้เลยนำความรู้เรื่องเพชรสังเคราะห์ที่มีอยู่ 2 กระบวนการหลักๆ คือ กระบวนการสะสมตัวของไอเคมี (Chemical Vapour Deposit, CVD) และกระบวนการสังเคราะห์ด้วยความดัน ความร้อนสูง (High Pressure High Temperature, HPHT)

CVD (Growth Diamonds หรือชื่อทางการคือ Chemical Vapour Deposit หรือ CVD) คือ เพชรปลูก ที่เกิดในห้อง Lab เกิดจากเอาก็าซ มีเทน เข้าสู่แท็งก์สูญญากาศ  แล้วทำปฏิกิยากับโมเลกุลของก็าซด้วยคลื่นไมโครเวฟ

HPHT (High Pressure Temperature) คือเพชรที่เกิดด้วยวิธีแรงอัดสูง อุณหภูมิสูง

โดย

ต้องอาศัยการควบคุมปัจจัยหลายอย่างจากห้องแล็ป โดยเฉพาะอาศัยความร้อนและแรงอัด เพื่อจะเปลี่ยนสีจากเพชรสีน้ำตาลให้เพชรมีสีขาวขึ้นได้  นอกจากเพชรขาวแล้ว ในปัจจุบันยังสามารถทำได้หลายสี

ต้องอาศัยการควบคุมปัจจัยหลายอย่างจากห้องแล็ป โดยเฉพาะอาศัยความร้อนและแรงอัด เพื่อจะเปลี่ยนสีจากเพชรสีน้ำตาลให้เพชรมีสีขาวขึ้นได้  นอกจากเพชรขาวแล้ว ในปัจจุบันยังสามารถทำได้หลายสี

ไม่ว่าจะเป็นสีฟ้า สีเหลือง สีชมพู ก็สามารถผลิตได้เช่นกัน

ไม่ว่าจะเป็นสีฟ้า สีเหลือง สีชมพู ก็สามารถผลิตได้เช่นกัน

การตรวจจำแนกเพชรธรรมชาติออกจากเพชรสังเคราะห์ ใช้เครื่องตรวจสอบการเรืองแสงภายใต้รังสีอัลตราไวโอเลต ทั้งชนิดคลื่นยาวและคลื่นสั้น ภายใต้รังสีอัลตราไวโอเลตคลื่นยาว (LWUV) เพชรสังเคราะห์ไร้สีชนิด HPHT ส่วนใหญ่จะมีการเรืองแสงเด่นชัด ทั้งสีเขียวแกมเหลือง สีเขียวแกมฟ้า หรือฟ้าแกมเขียวนวล ในขณะที่เพชรธรรมชาติส่วนใหญ่จะเรืองแสงสีฟ้านวล ส่วนเพชรสังเคราะห์ชนิด HPHT นั้นมักจะแสดงการเรืองแสงค้าง (phosphorescence) อยู่ให้เห็นระยะเวลาหนึ่ง แม้ว่าจะนำเพชรออกจากหลอดเรืองแสง UVแล้วก็ตาม ส่วนเพชรสังเคราะห์ชนิด CVD มักไม่เรืองแสงถึงเรืองแสงสีแดงอ่อนๆ ได้ในรังสี UV คลื่นยาว แต่เรืองแสงน้อยมากในรังสี UV คลื่นสั้น

การใช้เครื่องสเปกโตรสโคปแบบมือถือ เพชรสังเคราะห์ไร้สีส่วนใหญ่จะไม่มีสเปกตรัมบ่งชี้ ในขณะที่เพชรธรรมชาติมักจะมีสเปกตรัม 415 นาโนเมตร ร่วมด้วย 478, 465, 452,435, 423 นาโนเมตร ซึ่งสัมพันธ์โดยตรงกับธาตุร่องรอยไนโตรเจนในเพชรธรรมชาติ หรือที่มักเรียกว่า Cape series

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here