รีวิว “Galaxy Watch3” สมาร์ทวอทช์คู่ใจในการดูแลสุขภาพ ที่สามารถวัด SpO2 ได้

เรียกว่ากำลังเป็นกระแสและได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในตอนนี้สำหรับการวัดความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด หรือที่เราคุ้นหูกันในชื่อสั้นๆ ว่าค่า SpO2 นั้นเองครับ และแน่นอนว่าการหันมาเรียนรู้และทำความรู้จักกับการวัดความอิ่มตัวของ ออกซิเจนในเลือด (SpO2) นั้นสืบเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโรค โควิด -19 ที่ในประเทศไทยระบาดเป็นระลอกที่ 3 ในตอนนี้

ความน่ากลัวที่สุดของการแพร่ระบาดระลอกใหม่นี้คือ ผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการ แต่ปอดมีความผิดปกติและเมื่อทราบเรื่องสำหรับผู้ป่วยบางรายคือสายไปแล้ว...

โดยปกติแล้วการตรวจวัดระดับความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดหรือค่า SpO2 ใช้เครื่องมือที่เรียกว่า เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว (Pulse Oximeter) ครับนั้นเท่ากับเราต้องหาซื้อเครื่องมือมาไว้วัด

ทั้งนี้ในปัจจุบัน Smart Watch หรือ Smart Band หลายๆ ยี่ห้อถูกพัฒนาให้มาพร้อมกับความสามารถของการตรวจวัดระดับความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดหรือค่า SpO2 ได้ รวมไปถึงสมาร์ทโฟนบางค่ายที่สามารถวัดค่า SpO2 ได้เช่นกัน

เกริ่นเรื่อง SpO2 กันมากันยาวขนาดนี้ผมว่าหลายๆ คนคงพอเดากันได้ว่าอุปกรณ์ไอทีที่เรากำลังจะรีวิวให้ได้อ่านกันในตอนนี้นั้นคงหนีไม่พ้นที่จะเกี่ยวกับความสามารถในการวัด SpO2 แน่นอน

ถูกต้องแล้วครับวันนี้เราจะมารีวิวสมาร์ทวอชรุ่นล่าสุดของ Samsung อย่าง Samsung Galaxy Watch3 ( ซัมซุง กาแลคซี่ วอทช์ 3) ให้ได้งานกัน แน่นอนคือมันมาพร้อมกับฟีเจอร์ด้านสุขภาพที่ครบวงจร สามารถตรวจจับ ติดตามและวิเคราะห์กิจวัตรด้านสุขภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมพิชิตเป้าหมายในการออกกำลังกายในทุกวันแน่นอน

คุณสมบัติจำเพาะของ Galaxy Watch3 (กาแลคซี่ วอทช์ 3)

วัสดุ, สี : สแตนเลส: สีบรอนซ์ Mystic Bronze, สีดำ Mystic Black, สีเงิน Mystic Silver (สายหนัง) ไทเทเนียม: สีดำ Mystic Black (สายโลหะ)

ขนาด, น้ำหนัก : สแตนเลส รุ่นขนาด 45 มิลลิเมตร: 45x46.2x11.1 มม. น้ำหนัก 53.8 กรัม, สแตนเลส รุ่นขนาด 41 มิลลิเมตร: 41x42.5x11.3 มม. น้ำหนัก 48.2 กรัม, ไทเทเนียม รุ่นขนาด 45 มิลลิเมตร: 45x46.2x11.1 มม. น้ำหนัก 43 กรัม

หน้าจอ: รุ่นขนาด 45 มิลลิเมตร: 1.4 นิ้ว (34 มม.) 360 x 360 Super AMOLED, Full Color Always-On Display, Corning® Gorilla® Glass DX, รุ่นขนาด 41 มิลลิเมตร: 1.2 นิ้ว (30 มม.) 360 x 360 Super AMOLED, Full Color Always-On Display, Corning® Gorilla® Glass DX

หน่วยประมวลผล : Exynos 9110 Dual core 1.15 GHz

ระบบปฏิบัติการ : Tizen Based Wearable OS5.5

หน่วยความจำ : RAM 1GB + หน่วยความจำภายใน 8GB

การเชื่อมต่อ : รองรับการเชื่อมต่อ LTE*, Bluetooth v5.0, Wi-Fi b/g/n, NFC, GPS/Glonass/Beidou/Galileo *การเชื่อมต่อ LTE รองรับเฉพาะในรุ่น LTE เท่านั้น

เซ็นเซอร์ : Accelerometer, Barometer, Gyro Sensor, Light Sensor, Optical Heart Rate Sensor, Electrical Heart Sensor

ความทนทาน : กันน้ำได้ที่ระดับ 5 ATM+IP68 มาตรฐานการทนต่อแรงสั่นสะเทือนแบบ MIL-STD 810G

อุปกรณ์ที่รองรับ : Android 5.0 ขึ้นไป และ RAM 1.5GB ขึ้นไป, iPhone5 หรือสูงกว่า และ iOS 9.0 ขึ้นไป

แบตเตอรี่ : รุ่นขนาด 45 มิลลิเมตร: 340 มิลลิแอมป์, รุ่นขนาด 41 มิลลิเมตร: 247 มิลลิแอมป์

รองรับการชาร์จแบบไร้สาย

ดีไซน์สวยหรูคลาสสิก ลงตัวทุกสไตล์ การดีไซน์เพื่อการใช้งานที่ยืนยาว

Samsung Galaxy Watch3 เป็นสมาร์ทวอทช์ระดับแฟลกชิปรุ่นล่าสุดของ Samsumg ครับ สำหรับ Samsung Galaxy Watch 3  ที่เราได้มาทดลองเล่นกันในรอบนี้เป็นรุ่น LTE ตัวเรือนสี Mystic Black หน้าปัด 45 มิลลิเมตร ตัวเรือนใช้วัสดุสแตนเลสมีขนาดที่ 45x46.2x11.1 มิลลิเมตร และน้ำหนัก 53.8 กรัม

โดยจากข้อมูล Galaxy Watch3 รุ่นใหม่น้ำหนักเบากว่ารุ่นก่อนถึง 15%, บางลง 14%, และกะทัดรัดกว่าเดิมถึง 8% ทำให้ยามสวมใส่สัมผัสได้ว่ามันเบาคล่องข้อมือมากขึ้นครับ

ตัวเรือนผลิตจากวัสดุระดับพรีเมียมแบ่งออกเป็น 2 ชนิดประกอบไปด้วยตัวเรือนแบบสแตนเลสและไทเทเนียม ดีไซน์เพรียวบางและพิถีพิถัน สามารถควบคุมการทำงานบนจอที่ใหญ่ขึ้นด้วยขอบหน้าปัดหมุนได้อันเป็นเอกลักษณ์และกลมกลืนไปกับตัวเรือนอย่างลงตัว

ทั้งนี้ Galaxy Watch3 รุ่นใหม่เขาผลิตออกมาให้เราได้เลือกใช้งานด้วยกันทั้งหมด 2 ขนาดสำหรับคนคนชอบแบบหน้าปัดกำลังดีและหนุ่มๆ ที่อยากได้ควายิ่งใหญ่ของหน้าปัด  ได้แก่ ขนาดหน้าปัด 41 มม. สำหรับผู้ใช้ที่ข้อมือเล็ก และขนาดหน้าปัด 45 มม. สำหรับคุณผู้ใช้ที่ต้องการหน้าปัดแบบเต็มตามากขึ้น มาพร้อมกับสายรัดหนังแท้สุดพรีเมียมที่ผ่านกรรมวิธีช่วยให้หนังทนทาน สีไม่ซีด และสายโลหะสุดหรูสำหรับรุ่นตัวเรือนไทเทเนียม

อย่างที่บอกไปแล้วว่าสมาร์ทวอทช์รุ่นนี้อีกความพิเศษของมันคือมันมาพร้อมกับขอบตัวเรือนหมุนได้เพื่อสะดวกในการใช้งาน แอป พลิเคชันต่างๆ อย่างเท่ปกติเราจะไม่ค่อยเจอแบบนี้ในสมาร์ทวอทช์มากนัก

ตัวเรือนด้านขวาจะเป็นตำแหน่งของปุ่มสั่งงานมีด้วยกันทั้งหมด 2 ปุ่มประกอบไปด้วย ปุ่ม Back ปุ่มย้อนกลับหรือกดค้างเพื่อเรียกใช้งาน Samsung Pay ปุ่มจัวบนและปุ่ม Home ปุ่มตัวล่างมีแถบสีแดงคาด(กดค้างที่ปุ่ม Home เพื่อเปิด-ปิดเครื่องและ 1 ครั้งเพื่อกลับสู่หน้าจอหลัก)

และนอกจากนี้หากต้องการ แคปเจอร์ของหน้าจอสมาร์ทวอทช์ ก็สามารถทำได้ด้วยการกดปุ่ม 2 ปุ่มบนตัวเรือนพร้อมๆ กันและเมื่อทำการ แคปเจอร์ เรียบร้อยแล้วรูปภาพจะถูกนำไปเก็บไว้ในสมาร์ทโฟนที่ได้ทำการเชื่อมต่อโดยอัตโนมัติครับ

ตัวเรือนด้านซ้ายไม่มีปุ่มให้งานใดๆ ครับผม Samsung คงอยากปล่อยให้ดูหรูหรา

และหากเราลองหมุนตัวเรือนไปรอบๆ เราจะได้พบกับลำโพงเพื่อใช้ในการสนทนาและช่องของไมโครโฟนเลกๆ (สำหรับรุ่น LTE) แทรกอยู่บนตัวเรือนครับ (รูไมโครโฟนและลำโพงสปีกเกอร์) ดังนั้นหากเราลืมมือถือไว้ที่บ้านก็สามารถใช้งานผ่าน Galaxy Watch3 ได้เลย

ด้านหลังตัวเรือน Galaxy Watch3 มาพร้อมกับเซ็นเซอร์สำหรับการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ พร้อมทำงานร่วมกับฟีเจอร์ด้านสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจจับออกซิเจนในเลือด (SpO2), ตรวจจับความดันเลือด, การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ รวมไปถึงความสามารถในการตรวจจับการล้มได้หากนำไปใช้ให้ผู้สูงอายุใช้งานและที่จุดชาร์จแบตเตอรี่ที่เป็นแบบแม่เหล็กวางลงละสามารถชาร์จไฟได้ทันที

ส่วนของสายแน่นอนว่ารุ่นนี้โดนดีไซน์มาให้เป็นมากกว่าสมาร์ทวอร์ทแน่นอน ดีไซน์สุดคลาสสิก ยามสวมใส่สวยเท่เหมือนนาฬิกาปกติ ทำให้คุณสามารถใส่ได้ทั้งงานทางการและไม่เป็นทางการ สายนาฬิกาหนังแท้สุดพรีเมียม โดยสายหนังนั้นช่วยสร้างลุคที่ดูเป็นธรรมชาติ และเมื่อพลิกด้านหลัง จะพบว่าเป็นหนังแบบเสริมความแข็งแรง ช่วยลดไม่ให้สีซีดและจางลง

สาย Galaxy Watch3 สามารถถอดสลักและเปลี่ยนเองได้ง่ายๆ อีกทั้งตัวยึดสายกับตัวเรือนมีคุณภาพสูง จึงทำให้มั่นใจขณะสวมใส่หรือออกกำลังกายไม่มีทางหลุดอย่างแน่นอนครับ

Galaxy Watch3 มาพร้อมมาตราฐานกันน้ำกันฝุ่น IP68 กันน้ำลึก 5ATM และทนแรงสั่นสะเทือน MIL-STD 810G สามารถลงในน้ำจืดความลึกไม่เกิน 1.5 เมตรเป็นเวลา 30 นาที ไม่แนะนำให้ใช้ในน้ำทะเลหากบังเอิญโดนแนะนำให้รีบล้างด้วยน้ำสะอาดทันที

ขอเพิ่มตรงนี้ให้นิดหน่อย Galaxy Watch3 สามารถปรับแต่งหน้าปัดการแสดงผลได้กว่า 40 รูปแบบ ตรงนี้เราสามารถออกแบบเองได้นะ และมันจะทำให้เราดูข้อมูลและใช้งาน แอป ฯ ที่ต้องการได้สะดวกยิ่งขึ้น

งานชาร์จที่เลอค่าได้ทั้งแบบใช้สายและ Wireless Charge

Samsung Galaxy Watch 3 มาพร้อมแบตเตอรี่  2 ขนาดตามรุ่น นั้นคือรุ่นขนาด 45 มิลลิเมตร มาพร้อมความจุ 340 มิลลิแอมป์ และรุ่นขนาด 41 มิลลิเมตร มาพร้อมความจุ 247 มิลลิแอมป์

Galaxy Watch 3 รองรับการชาร์จแบบไร้สาย มีแท่นชาร์จแม่เหล็กมาให้เชื่อมต่อผ่านสาย USB หรือจะชาร์จแบบ Wireless Charge ก็สามารถชาร์จไฟได้ค่อนข้างรวดเร็ว แต่รุ่นนี้เขาไม่แถม Adapter มาให้นะครับ

การควบคุมใช้งานของ Samsung Galaxy Watch 3 ผ่านตัวเครื่อง

ปุ่มข้าง 2 ปุ่ม - ปุ่มบน = กด 1 ครั้ง >> ย้อนกลับ, กดค้าง = Samsung Pay - ปุ่มล่าง = กด 1 ครั้ง >> เข้าสู่หน้ารวมแอปฯ, กด 2 ครั้ง = แอพ ฯ ก่อนหน้า, กดค้าง = เรียกใช้งาน Bixby - กดทั้ง 2 ปุ่มค้าง พร้อมกัน >> เปิดเครื่อง

การสัมผัสหน้าจอที่หน้าจอหลัก - ปัดบนลงล่าง = เรียกใช้งานฟังก์ชั่นด่วน - ปัดซ้ายขวา = ดูการแจ้งเตือนต่างๆ และ Widget - แตะหน้าปัด 1 ครั้ง = ดูการแจ้งเตือนปฏิทินรวมไปถึงหมายงานต่างๆ ที่เชื่อมต่อไว้กับสมาร์ทโฟน

หากสั่งงานผ่านหน้าปัดของสมาร์ทวอช Samsung อย่าง Samsung Galaxy Watch3

หน้าจอแสดงวิดเจ็ดต่างๆ ที่เราได้ทำการเลือกไว้ครับ

และแน่นอนครับว่ามีวิดเจ็ดต่างๆ ให้เราเลือกใช้งานมากมายเลย จะมีอะไรบ้างมาดูกันเลยครับ

เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนและทำงานผ่านแอปพลิเคชัน Galaxy Wearable และเริ่มต้นใช้งาน ประสบการณ์เชื่อมต่อแบบ Seamless ใน Galaxy Ecosystem

เชื่อมต่อง่ายผ่านแอปพลิเคชัน Galaxy Wearable (สำหรับ Android) ทำงานร่วมกับแอปพลิเคชันอื่นๆ อย่างลงตัว เช่น ดูพรีวิวภาพถ่ายจากสมาร์ทโฟนผ่านสมาร์ทวอชท์บนข้อมือ, ใช้ค้นหาตำแหน่งของสมาร์ทโฟน, ใช้ควบคุมการเล่นเพลงบน Spotify หรือจะสลับไปฟังเพลงผ่านหูฟัง Galaxy Buds ก็ทำได้แบบไม่มีสะดุด

รองรับการแสดงผลข้อความการแชทก่อนหน้า รวมทั้งดูรูปภาพได้โดยไม่ต้องแตะปุ่มใดๆ เพิ่มเติม พร้อมระบบตอบกลับอัจฉริยะ ที่จะช่วยวิเคราะห์ข้อความและรูปภาพจากการแจ้งเตือน จากนั้นระบบจะแนะนำข้อความต่างๆ สำหรับตอบกลับอย่างเหมาะสมและครอบคลุมในหลากหลายหมวดหมู่

สำหรับ แอปพลิเคชัน Galaxy Wearable มีหน้าที่หลักๆ คือการปรับแต่งหน้าปัดและตั้งค่าตัว Galaxy Watch 3 ครับโดยหน้าหนัก (Home) ประกอบไปด้วย 3 หน้าที่หลักประกอบไปด้วย หน้าหลัก, หน้าปัดหน้าปัดนาฬิกา และ ค้นหา

หน้าหลักจะเป็นเหมือนหน้า Setting เพราะการตั้งค่าทุกอย่างจะอยู่ตรงนี้ครับ

เปลี่ยนหน้าปัดให้เป็นตัวคุณ

Samsung Galaxy Watch 3 มาพร้อมตัวเลือกดีไซน์หน้าปัดที่หลากหลายกว่า 80,000 สไตล์ บน Galaxy Store หรือจะออกแบบดีไซน์ของตัวเองก็สามารถทำได้เช่นกัน เราสามารถทำการเปลี่ยนหน้าปัด สามารถเปลี่ยนได้ผ่าน แอพ พลิเคชั่น Samsung Wearable (หน้าปัดก็จะมีทั้งฟรีและเสียงเงิน)

และอีกฟีเจอร์สำคัญที่จะไม่พูดถึงก็ไม่ได้คือในแอปพลิเคชัน Galaxy Wearable มาพร้อมกับ "การค้นหานาฬิกาของคุณ" ซึ่งสามารถค้นหาได้จากมือถือหาคุณลืมว่าเก็บมันไว้ที่ไหนครับ

เคล็ดลับและคู่มือการใช้งาน Samsung Galaxy Watch 3

แอปพลิเคชัน Samsung Health แอพพลิเคชั่นตัวเก่งด้านสุขภาพ เสิร์ฟความสมบูรณ์แบบให้การทำงานเพื่อการออกกำลังกาย

มาต่อกันที่ แอปพลิเคชัน Samsung Health เพราะในแต่ในส่วนของการติดตามข้อมูลทางสุขภาพ และการออกกำลังกาย Sanmsung Galaxy Watch 3 จะทำงานคู่กับแอปพลิเคชัน Samsung Health เพื่อบันทึกสถิติต่างๆ ออกมาครับ

สำหรับหน้าหลักของ Samsung Health ประกอบไปด้วย 3 โหมดหลักๆ ได้แก่ โหมดสุขภาพ, Togethrt และโหมดสุดท้ายเป็นโปรแกรมสุขภาพ ที่มาพร้อมกับโปรแกรมการออกกำลังกาย พร้อมท่าทางและคำแนะนำต่าง ๆ มากมายครับ

อย่างทีบอกไปแล้ว Samsung Galaxy Watch3 นอกจากจะเน้นในเรื่องของดีไชต์แล้วฟังก์ชันเรื่องของสุขภาพทาง Samsung ก็เน้นไม่แพ้กันครับ เพราะ Samsung Galaxy Watch3 มาพร้อมกับรูปแบบกิจกรรมของผู้สวมใส่ที่เราลองไล่ดูบอกเลยเยอะมากๆ ครับ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมพื้นฐานอย่าง วิ่ง, การเดิน, การขี่จักรยาน, การว่ายน้ำ, โยคะ รวมไปถึงกิจกรรมสำหรับคนบางกลุ่มหรือกี่ฬาบางชนิดก็ไม่ครับตัวอย่างเช่น การปีนผา, มวย, ศิลปะการต่อสู้, สกีน้ำ และอื่นๆ อีกมากมาย

ฟังก์ชันติดตามข้อมูลสุขภาพ และการออกกำลังกาย ตัวช่วยคู่ใจในการดูแลสุขภาพอย่างครบวงจร กับฟีเจอร์ต่างๆ

การตรวจวัดค่าออกซิเจนในเลือด SpO2 ด้วยการใช้ LED สีแดงกับรังสีอินฟราเรดเพื่อประมาณค่าระดับ SpO2 หรือปริมาณออกซิเจนในกระแสเลือด Galaxy Watch3 ใช้ LED สีแดงกับรังสีอินฟราเรดเพื่อประมาณค่าระดับ SpO2 หรือปริมาณออกซิเจนในกระแสเลือดของคุณ

เนื่องจากความเข้มข้นของออกซิเจนนี้สัมพันธ์โดยตรงกับความแข็งแรงของร่างกาย คุณจึงสามารถใช้ Galaxy Watch3 เพื่อวางแผนและปรับปรุงกิจวัตรประจำวันของคุณไปสู่อีกระดับได้

แม้ Galaxy Watch3 จะมาพร้อมความสามารถตรวจวัดค่าออกซิเจนในเลือดได้แต่มันก็ไม่สามารถบอกคุณได้นะครับว่าคุณป่วยเป็น โควิด-19 เอาเป็นว่าหากวัดออกมาแล้วค่าออกซิเจนในเลือด หรือค่า SpO2 ควรจะอยู่ที่ 96-99% ก็สบายใจได้ว่าปอดของเรายังทำงานปกติ

ค่าออกซิเจนในเลือด หรือ การวัดความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือด (Oxygen saturation) สามารถวัดได้จากระดับความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดแดงที่ ปกติในมนุษย์อยู่ที่ 95–100 เปอร์เซ็นต์ หากต่ำกว่า 90% อาจเสี่ยงภาวะค่าออกซิเจนในเลือดต่ำ ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายถึงชีวิตได้

สามารถ ตรวจสอบอัตราการเต้นของหัวใจ ได้ทุกที่ทุกเวลา ทั้งในขณะเดิน พัก หายใจ และออกกำลังกาย พร้อมแสดงข้อมูลสรุปบนสมาร์ทวอทช์หรือผ่าน Samsung Health บนสมาร์ทโฟน

ตรวจจับและบันทึกประวัติการนอนในทุกช่วงเวลา และนำมาคำนวณเป็นคะแนนเพื่อให้ผู้ใช้สามารถประเมินและพัฒนาคุณภาพการนอนของตัวเองได้ อีกทั้งยังร่วมมือกับ National Sleep Foundation ในการสร้างคอนเทนต์เพื่อให้ความรู้และเคล็ดลับการนอนหลับต่างๆ สำหรับผู้สวมใส่

ฟังก์ชันการจัดการการนอนหลับ (วงจร REM, การหลับลึก และเวลารวมของการนอนหลับ) สามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ใด ๆ แต่แนะนำให้ทำการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเพื่อใช้ในการดูคะแนนสำหรับการนอนหลับ ส่วนข้อมูลเชิงลึกนั้นสามารถดูได้ด้วยการจับคู่กับสมาร์ทโฟนเท่านั้น

ตรวจวัดระดับความเครียด โดยการวัดความแปรปรวนของอัตราการเต้นของหัวใจระหว่างวัน (Heart Rate Variability) เพื่อประเมินระดับความเครียดแบบครั้งเดียวหรือเป็นระยะ มาพร้อมคำแนะนำในการจัดการกับความเครียดด้วยการฝึกหายใจและเครื่องมือช่วยทำสมาธิรูปแบบต่างๆ

การตรวจจับการล้มที่รุนแรงได้โดยอัตโนมัติ (โหมด Fall detection ) ด้วยมาตรวัดความเร่งที่จะส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือพร้อมกับตำแหน่งของผู้สวมใส่ไปยังผู้ติดต่อฉุกเฉินที่ระบุไว้ได้ ทั้งนี้การตั้งค่าสามารถตั้งได้ไม่ยากผ่านแอปพลิเคชั่น Galaxy Wearable

การแจ้งเตือนและจับเวลาในการล้างมือ อีกหนึ่งฟีเจอร์ใหม่ที่เหมาะกับสถานการณ์ในช่วงนี้มากที่สุด ช่วยนับเวลาการล้างมือที่ 25 วินาที และสามารถตั้งเวลาแจ้งเตือนให้ล้างมือได้ สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเพิ่มเติมได้จาก Galaxy Store

การแจ้งเตือนและการติดตามรอบประจำเดือน รู้จักร่างกายของคุณได้ดียิ่งขึ้นด้วยระบบติดตามรอบเดือนโดยไม่ต้องกังวลในการคาดคะเนรอบเดือนอีกต่อไป รับคำแนะนำเกี่ยวกับโภชนาการและการพักผ่อน จัดการวันที่เหนื่อยล้าที่สุดของคุณด้วยวิธีที่ง่ายที่สุด

นอกจากนั้นมันยังมาพร้อมกับโปรแกรมวิเคราะห์การวิ่ง ที่มีอัลกอริทึมในการวิเคราะห์รูปแบบการเคลื่อนไหวเพื่อแนะนำเคล็ดลับให้กับผู้สวมใส่นำไปพัฒนาและป้องกันอาการบาดเจ็บต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงสามารถอ่านค่าออกซิเจนที่ร่างกายได้รับ (VO2 Max) เพื่อประเมินประสิทธิภาพในการออกกำลังกาย

ออกกำลังกายที่บ้านได้สนุกขึ้นผ่าน โปรแกรม Home Training ในแอปพลิเคชัน Samsung Health ที่มาพร้อมกับวิดีโอสอนการออกกำลังกายกว่า 120 รายการ พร้อมตรวจเช็คอัตราการเต้นของหัวใจได้แบบเรียลไทม์ขณะออกกำลังกาย ให้ผู้ใช้งานสามารถติดตามการออกกำลังกายผ่านสมาร์ทวอทช์ได้อย่างง่ายดาย

นอกจากนี้ Galaxy Watch3  ยังมาพร้อมความสามารถในการแจ้งเตือนเมื่อเรานั่งนานๆ หรือหยุดนิ่งที่เดิมนานๆ และมีภาพกราฟฟิคแนะนำให้เราด้วยว่าตอนนี้ควรขยับแขา ขา แบบไหน รวมไปถึงการแนะนำว่าคุณนั่งนานไปแล้วนะ ควรลุกขึ้นเดินบ้าง?

ฟังก์ชันการโทร และการใช้งานทั่วไป

ส่วนนี้น่าจะเป็นฟังก์ชันพื้นฐานไปแล้วสำหรับสมาร์ทวอทช์รุ่นใหม่ๆ ที่มันเหมือนบังคับว่าต้องมาพร้อมกับความสามมารถในการแจ้งเตือนต่างๆ  ไม่ว่าจะเป็น การแจ้งเตือนแอปพลิเคชั่น, ข้อความ, สายโทรเข้า เมื่อมีกิจกรรมหรืออะไรก็แล้วแต่เกิดขึ้นกับสมาร์ทโฟนโดยที่ไม่ต้องหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมา ซึ่งถ้าเป็นรุ่น LTE คุณก็สามารถใช้งานรวมไปถึงรับสายได้เลย แต่ถ้าเป็นรุ่น  Bluetooth จะต่างกันเพียงคุณไม่สามารถรับสายได้และต้องอยู่ในรัสมีของสัญญาณ Bluetooth ครับ

แสดงประวัติการแชทอัตโนมัติให้การสนทนาลื่นไหล ไร้สิ่งรบกวน เมื่อคุณได้รับข้อความใหม่ Galaxy Watch3 จะแสดงข้อความการแชทก่อนหน้าของคุณเพื่อให้คุณสามารถสนทนาได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้คุณสามารถรับและดูภาพในแชทใน Notification ได้โดยไม่ต้องสัมผัสปุ่มอะไรเพิ่มเติม จึงช่วยให้คุณสนทนาอย่างสะดวกง่ายดาย และไม่ขัดจังหวะการวิ่ง หรือการทำกิจกรรมโปรดอื่นๆของคุณ

สำหรับใครที่ชอบฟังเพลงก็ไม่มีปัญหา เพราะเราสามารถรับฟังเสียงเพลงได้อย่างต่อเนื่อง โดยสามารถเล่นเพลงจาก Spotify ใน Galaxy Note20 จากนั้นก็เปิดแอปพลิเคชัน Spotify ด้วยไอคอนที่อยู่บนหน้าปัดนาฬิกาเพื่อเลือกเพลงต่างๆได้อย่างง่ายดายผ่าน Galaxy Watch3 หรือสามารถเปลี่ยนไปฟังเสียงเพลงด้วย Galaxy Buds Live ก็สามารถทำได้ด้วยการสัมผัสหูฟัง

เล่าให้ฟังหลังจากได้ใส่ Galaxy Watch 3 ใช้งานในชีวิตจริงๆ

เล่าแบบรวบรัดกันเลยละกันครับ เพราะเอาจริงๆ ในช่วงการระบาดของ โควิด 19 รอบ 3 นี้ก็ทำให้ผมไม่สามารถใส่เจ้า Galaxy Watch 3 ที่ได้มาทดลองเล่นออกไปทำกิจกรรมอะไรและนำมาเล่นให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันมากนัก หลักๆ คงทำได้แค่ทดสอบฟังก์ชันพื้นฐานอย่างการวัดออกซิเจนในกระแสเลือด (SpO2) ที่สามารถทดสอบได้ง่ายๆ ยามอยู่บ้าน การเต้นของหัวใจ รวมไปถึงการวิเคราะห์ยามหลับครับ(ส่วนฟีเจอร์การออกกำลังกายอื่นๆ ขอติดไว้ก่อนเดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟังทีหลังนะครับ) สำหรับฟีเจอร์พื้นฐานที่ได้ทดลองใช้งานจริงๆ ผมว่า Galaxy Watch 3 วิเคราะห์ออกมาได้ดีเลยครับ

ผมว่าสำหรับใครหลายคนที่มีคำถามว่ามันคือสมาร์ทวอทช์แล้วจะแม่นยำเหมือนนาฬิกาเพื่อสุขภาพของค่ายอื่นๆ ได้เหรอ ผมว่าในรุ่นนี้มั่นใจได้นะอันนี้ผมลองเล่นแล้วเลยพูดได้ ส่วนใครที่ยังไม่มั่นใจก็สามารถเดินเข้าไปสัมผัสและทดลองเล่นกันตาม shop Samsung ก่อนได้ครับ

อีกเรื่องที่ต้องพูดถึงสำหรับผมคือการเชื่อมต่อระหว่าง Galaxy Watch 3 และตัวสมาร์ทโฟนส่วนตัวผมประทับใจนะเพราะปกติเราก็ไม่ได้จับสมาร์ทโฟนตลอดเวลาอยู่แล้วเรื่องการโทรเข้าและการโชว์ของความในแอปแชทต่างๆ ทำได้ดีเลยแหละไม่ดีเลย์

สรุปเลยว่า Galaxy Watch 3 เป็นสมาร์ทวอทช์ระดับ High-End ที่ตอบโจทย์ทั้งผู้ใช้สายไลฟ์สไตล์และสายออกกำลังกาย มีดีไซน์สวยสามารถใส่ได้ทุกโอกาสจริงๆ เชื่อผมรับรองไม่ผิดหวัง แต่ถ้าคุณยังไม่มั่นใจพอก็อย่างที่บอกครับ ลองเดินไปเล่นของจริงกันก่อนได้ ไม่รักไม่ว่าถูกใจค่อยสอยน้องเขากลับบ้าน...

Galaxy Watch3 วางจำหน่ายอย่างแล้ววันนี้และมีรุ่นให้เราเลือกดังนี้

รุ่นขนาดหน้าปัด 45 มม. วางจำหน่ายในราคา 13,900 บาท (BLT) และราคา 16,900 บาท (LTE) มาในตัวเรือนสี Mystic Black และ Mystic Silver

รุ่นขนาดหน้าปัด 41 มม. วางจำหน่ายในราคา 12,900 บาท (BLT)และราคา 15,900 บาท (LTE) มาในตัวเรือนสี Mystic Bronze และ Mystic Silver

รุ่นตัวเรือน Titanium ขนาดหน้าปัด 45 มม. วางจำหน่ายในราคา 21,900 บาท (BLT) มาในตัวเรือนสี Mystic Black

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here