วิธีการเลือกเพชร ด้วยหลักการ 4 CS

วิธีการเลือกเพชร ด้วยหลักการ 4 CS

วิธีการเลือกเพชร ด้วยหลักการ 4 CS

4 Cs ได้แก่  Carat Weight (กะรัต)

4 Cs ได้แก่  Carat Weight (กะรัต)

Cut (การเจียระไน)

Color (สี)

Clarity (ความสะอาด)

1. Carat Weight คือ กะรัตไม่ใช่หน่วยวัดขนาดของเพขร แต่เป็นหน่วยวัดน้ำหนักของเพชร เพชรน้ำหนักของเพชร 1 กะรัต เท่ากับ 0.2 กรัม หรือ 200 มิลลิกรัม หากเพชรที่น้ำหนักต่ำกว่า 1 กะรัต จะใช้หน่วยเป็นสตางค์ หรือ Point และเพชรเพชร 1 กะรัต เท่ากับ 100 สตางค์ (Point) ซึ่งนิยมเรียกติดปากว่า กี่ตัง หรือ กี่สตางค์ เช่น เพชรเม็ดนี้หนัก 1.23 กะรัต คือ น้ำหนัก 1 กะรัต 23 สตงค์ หรือ เพชร 0.5 กะรัต คือเพชร 50 สตางค์

1. Carat Weight

2. Color คือ สีของเพชร ซึ่งเพชรตามธรรมชาติจะมีหลายเฉดสี ที่นิยมใส่กันคือสีขาวใส่ ซึ่งหาได้ยากพอสมควร สถาบันอัญมณีชั้นนำจำแนกเฉดสีของเพชรจะเรียกจาก D ไปถึง Z โดยอักษร D หมายถึง ความขาวใสมากที่สุดโดยทั่วไปเรียกว่า “น้ำ” เพชรน้ำยิ่งสูงจะขาวและไม่มีสีเจือปน เช่น เพชรน้ำ 100, 99, 98 เพชรสี D, E, F จะหายาก และราคาสูงที่สุด สีอื่นๆ ราคาก็จะลดหลั่นไล่ลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงตัวอักษร Z

2. Color

กลุ่มที่ 1 : D, E, F   จัดอยู่ในหมวดเพชรใส ไม่มีสี (Colorless)

กลุ่มที่ 2 : G, H      จัดอยู่ในหมวดเพชรเกือบไร้สี มีติดนวลเล็กน้อย (Near Colorless)   คือมองด้วยสายตาคนปกติ จะเห็นว่าเพชรยังขาวใสอยู่

กลุ่มที่ 3 : I, J      จัดอยู่ในหมวดเพชรติดนวลมากขึ้น (Near Colorless Slightly Tinted)

กลุ่มที่ 4 : K, L, M   จัดอยู่ในหมวดเพชรติดเหลืองอ่อนๆ (Faint Yellow)

กลุ่มที่ 5 : N-R       จัดอยู่ในหมวดเพชรติดเหลือง (Very Light Yellow)

กลุ่มที่ 6 : S-Z       จัดอยู่ในหมวดเพชรเหลือง(Yellow)

กลุ่มที่ 7 : เป็นเพชรแฟนซี (Fancy)

3. Clarity คือ ความบริสุทธิ์ของเพชร จะมีตั้งแต่ที่ไม่มีตำหนิเลยจนถึงมีตำหนิมาก เพชรที่ไม่มีตำหนิเลยมีอยู่น้อย แต่ถ้ามีสี และน้ำหนักดีก็จะมีราคาแพง การดูตำหนิของเพชรต้องดูด้วยแว่นขยายหรือกล้องจุลทรรศ์กำลังขยายถึง 10 เท่า หากเพชรนั้นสามารถมองเห็นตำหนิได้ด้วยตาเปล่าราคาจะลดลง และหากใช้กล้องจุลทรรส์ดูแล้วยังมองเห็นตำหนิได้ยากก็แสดงว่าเพชรดีเยี่ยมราคาสูง

3. Clarity

1. FLAWLESS (FL) : เพชรที่ไม่มีตำหนิหรือมลทินใดๆในทั้งเนื้อเพชรและผิวของเพชร เมื่อมองภายใต้กล้องขยาย 10 เท่า

2. INTERNALLY FLAWLESS (IF) : เพชรที่ไม่มีตำหนิภายในเนื้อเพชรเลย เมื่อมองภายใต้กล้องขยาย 10 เท่า

3. VERY VERY SLIGHTLY INCLUDED (VVS1, VVS2) : เพชรที่มีตำหนิในเนื้อเพชรน้อยมากๆ ไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า จะต้องใช้กล้องกำลังขยาย 10 เท่าส่องจึงจะเห็น

จำแนกออกเป็น 2 ระดับ หากตำหนิน้อยมากจะใช้ VVS1 หากตำหนิที่สามารถเห็นได้ชัดมากขึ้นจะใช้ VVS2

4. VERY SLIGHTLY INCLUDED (VS1, VS2) : เพชรที่มีตำหนิในเนื้อเพชรน้อย ไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า จะต้องใช้กล้องกำลังขยาย 10 เท่าส่อง จึงจะเห็น

5. SLIGHTLY INCLUDED (SI1, SI2) : เพชรที่มีตำหนิ ที่สามารถมองเห็นได้ ภายใต้กล้องกำลังขยาย 10 เท่าและบางกรณีสามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่จะมีขนาดที่เล็กซึ่งอาจจะต้องสังเกต

6. INCLUDED (I1, I2, I3) : เพชรที่มีตำหนิ ที่สามารถเห็นด้วยตาเปล่าได้อย่างชัดเจน

4. Cut คือ การเจียระไน หรือสัดส่วนของเพชร ซึ่งก็คือความลึก ความกว้าง รูปทรง ความสมมาตร ซึ่งต้องมีสัดส่วนที่ถูกต้องซึ่งจะส่งผลถึงความงามของเพชร การดูความถูกต้องของสัดส่วน ต้องทำการวัดมุมมองส่วนบน และส่วนล่างของเพชร ขนาดของโต๊ะหน้าเพชร ขนาดของปลายตัดก้นแหลม ความหนาของส่วนบนและล่าง ความหนาของขอบเพชร แล้วนำมาเทียบกับสัดส่วนมาตรฐาน การเจียรไนที่ดีจะทำให้รักษาน้ำหนักและความงามของเพชรไว้ทำให้เพชรนั้นมีค่า สวยงามมีประกายแวววาว ทั้งนี้ทั้งนั้น ความกว้างและความลึกของเพชรจะมีผลต่อการสะท้อนของแสง หากบางเกินไป แสงจะหายไปที่ด้านล่างหน้าจะมืด หากหนาเกินไป แสงจะหายไปทางด้านข้าง แต่ถ้าเพชรได้รับการเจียระไนอย่างดี จะทำให้เพชรเปล่งประกายขึ้นมาด้านบน เมื่อกระทบแสงจะส่องประกายเจิดจรัสมายังผู้สวมใส่

4. Cut คือ การเจียระไน หรือสัดส่วนของเพชร

การเจียระไน หรือสัดส่วนของเพชร

การคัดเกรดการเจียระไน โดยจัดระดับคุณภาพตามเพชรกลม (Round Brilliant) จะแบ่งเป็น 5 ระดับ

1.Excellent (EX)

2.Very Good (VG)

3.Good (G)

4.Fair (F)

5.Poor (P)

เพชรที่เจียระไนได้สมมาตร

เพชรที่เจียระไนได้สมมาตร

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here