สรุปงานเปิดตัว ผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Apple อย่าง iPhone 11 และ Gadgets รุ่นใหม่ที่น่าสนใจทั้งหมด

สิ้นสุดการรอคอยแล้วสำหรับงานแถลงเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดของ Apple ที่จัดว่ามีข่าวหลุดออกมามากที่สุดเลยก็ว่าได้ แต่สุดท้ายแล้วอะไรจะเปิดตัวบ้าง เรามาติดตามสรุปกันเปิดกันเลยดีกว่า

Apple เริ่มต้นไล่ระดับการด้วยการเปิดตัวอุปกรณ์ต่างๆ ที่เคยมีตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน และเชื่อว่าหลายคนใช้ตั้งแต่เครื่องคอมพิวเตอร์เปลี่ยนโลก โดยคาดว่า Apple จะปล่อยคลิปชุดนี้แยกออกมาให้รับชมแน่นอน

>> Apple ประกาศราคา iPhone 11 และ iPhone 11 Pro (Max) ในไทยอย่างเป็นทางการ ถูกลงทุกรุ่น!

>> เปิดตัว iPhone 11, iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max ชูจุดเด่นกล้อง3 ตัวพร้อม Night mode

>> Update ราคา iPhone หลังการเปิดตัวภายใน Apple Store ประเทศไทย พร้อมคาดเดาราคารุ่นใหม่ล่าสุด

Apple Arcade

Apple เปิดตัว Apple Arcade

เปิดบริการอย่างเป็นทางการ โดยมีการนำรวมเกมทั้ง iPhone, iPad, mac มาไว้ในที่เดียวกัน โดยอยู่ภายใน Apps Store จะมีปุ่ม Arcade มาทันที และ Konami ก็เป็นอีก Partner ที่เข้ามาร่วมในครั้งนี้ โดยมีเกมที่สามารถเล่นได้ง่ายตัวอย่าง

Apple เปิดตัว Apple Arcade

และยังมี Capcom นำเกมที่สามารถเล่นได้ทั้งบ้านบุกเข้า โดยภาพที่ออกมาถือว่าออกมาสวยงามมากขึ้น ถ้าใครคิดถึงเกมเก่าๆ การมาลองเล่นเกมของ Capcom ใน Apple Arcade ก็ทำให้หายคิดถึงได้เหมือนกัน และมีค่ายเกมอีกมากมาย

Apple เปิดตัว Apple Arcade

นอกจากนี้บริการนี้จะเปิดให้บริการกว่า 150 ประเทศ, ในราคาแบบครอบครัว 4.99 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือนและใช้ฟรี 1 เดือนเท่านั้น

Apple TV+

Apple เปิดตัว Apple TV+

Apple เปิดตัว Apple TV+

ในบริการ Apple TV + มีการเปิดให้บริการมาสักพักใหญ่สำหรับบางประเทศ แล้ว ตอนนี้ก็จะมีการให้บริการในหลายประเทศมากขึ้น โดยมี Teaser ของหนังที่จะฉายใน Apple TV+ มีชื่อเรื่องว่า SEE และให้บริการอย่างเป็นทางการ 1 พฤศจิกายน กว่า 100 ประเทศทั่วโลก ในราคา 4.99 ดอลล่าร์สหรัฐ ในแบบครอบครัว และยังให้ ชม Apple TV ฟรี 1 ปีหากซื้ออุปกรณ์ของ Apple ใหม่ทั้ง Apple TV, Mac, iPad และ iPhone

iPad

Apple เปิดตัว iPad

Apple เปิดตัว iPad

สำหรับ iPad มีความคืบหน้ากับการพัฒนา iPad OS ที่หลายคนรอคอยเพราะการพัฒนาเพื่อให้การทำงานได้ง่ายกว่า iPad OS และมีการปรับปรุงใหม่

iPad OS Generation 7

Apple เปิดตัว iPad OS Generation 7 Apple เปิดตัว iPad OS Generation 7

หน้าจอของ iPad รุ่นเริ่มต้นจะมีขนาดหน้าจอ 10.2 นิ้ว มีขนาดมองได้มิติที่ดีขึ้น และมาพร้อมกับ ความเร็วมากกว่า PC 2 เท่า และยังเชื่อมต่อกับ Keyboard และ Apple Pencil แต่ยังเป็นรุ่นแรก รองรับกับ iPadOS ได้คล่องตัวมากขึ้น ดังนั้นการทำงานกับ iPad ใหม่จะ Smooth มากขึ้น รองรับการย่อ Keybaord พิมพ์ง่ายได้มือเดียว และสามารถ Capture หน้าจอ Save เป็น PDF ได้ รองรับทั้ง Apple Arcade และ Apple TV+ ได้

ราคาเริ่มต้น 329 ดอลลาร์สหรัฐ ( ประมาณ 10,xxx บาท ) และรุ่นนักศึกษา 299 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ  9,1xx บาท), เปิดจองวันนี้ และ ส่งมอบ 30 กันยายน นี้

Apple Watch

Apple เปิดตัว Apple Watch Apple เปิดตัว Apple Watch

สำหรับอุปกรณ์สวมใส่ยอดนิยมที่หลายคนเลือกใช้งาน ให้เกิดเรื่องของการวิจัยสุขภาพ (Health Research) เช่นถ้ามีการผิดปกติทั้งในเรื่องของการเต้นของหัวใจ ก็จะมีการแจ้งเตือนและจะเข้าถึง Apple Hearing Study มีการเรียนรู้ว่าสถานที่คุณอยู่เสียงดังหรือไม่ และยังมีบริการอื่นๆ ที่ร่วมมือกับทางมหาวิทยาลัย และโรงพยาบาลชื่อดัง

Apple Watch Series 5

Apple เปิดตัว Apple Watch Series 5 Apple เปิดตัว Apple Watch Series 5 Apple เปิดตัว Apple Watch Series 5 Apple เปิดตัว Apple Watch Series 5

มาพร้อมกับหน้าจอที่มีฟีเจอร์ Always On จะมีหน้าจอ LTPO ที่ใช้พลังงานน้อยลง แต่ช่วยทำให้หน้าจอแสดงผลได้ และจะทำงานเมื่อเราไม่มองจอแบบตรงๆ ช่วยให้ทำงานได้ทั้งวัน

มีเข็มทิศที่มาช่วยในเรื่องของการวัดความสูงเหมาะกับคนที่ใช้ในการปีนเขา และยังมีฟีเจอร์โทรขอความช่วยเหลือได้ ทั่วโลก

ตัวเครื่องมีให้เลือกทั้ง อะลูมิเนียม ทำจากรีไซเคิล 100%,  สเตนเลส, ไทเทเนียม และเซรามิค

เริ่มต้นที่ 399 ดอลล่าร์สหรัฐ (ประมาณ 12,xxx บาท) รุ่น GPS และ 499 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 15,xxx บาท) สำหรับรุ่น Cellular + GPS เริ่มจำหน่าย 20 กันยายนนี้

และประกาศลดราคาของ Series 3 ลงมาเริ่มต้น 199 ดอลล่าร์สหรัฐ (ประมาณ 6,0xx บาท) ส่วนรุ่นที่เหลือเลิกขายนะครับ

สำหรับ iPhone ยังคงเป็นอีกสิ่งที่ได้รับความนิยมเช่นเคย Apple ได้เผยว่า คนรัก iPhone และเชื่อว่ามันดีขึ้น โดย iPhone X R ยังคงได้รับความนิยมมากที่สุด และ iPhone X S / XS Max ถือว่ามีนวัตกรรม ในนี้จะมีชื่อดังนี้

iPhone 11

Apple เปิดตัว iPhone 11

อัปเกรดจากรุ่น iPhone XR โดยมีการเน้นเรื่องของการออกแบบที่สวยงามและมาพร้อมกับกล้องหลังคู่ และมี 6 สีเหมือนเดิม และมีหน้าจอแบบ Advance LCD ขนาด 6.1 นิ้ว รองรับ Dual Speaker เช่นเคย และรองรับ Dolby ATMOS

Apple เปิดตัว iPhone 11

กล้องหลังของ iPhone ขนาด 12 ล้านพิกเซล โดยกล้องตัวแรกยังคงเหมือนเดิมคือเลนส์ Wide รูรับแสง F1.8  และกล้องตัวที่ มุมมองกว้าง 120 องศา และสามารถถ่ายภาพในแบบ 16:9 หรือขยายให้เต็มจอได้แล้ว และยังมีการอัปเกรดหน่วยประมวลผลภาพใหม่ จนเรียกได้ว่าสวยงามมากขึ้น และยังมีระบบเพิ่มกระประมวลผลภาพช่วยให้ถ่ายภาพชัดลึกได้ดีมากขึ้น

และยังมีฟีเจอร์มากมายดังนี้

Apple เปิดตัว iPhone 11

Portrait Mode คราวนี้จะสามารถจับเรื่องของวัตถุหรือ สัตว์ได้แล้ว และยังเลือก Background ได้ด้วย

Night Mode จะปรับแต่งแสงภาพได้สว่างมากขึ้นกว่าเดิม ทำให้ภาพที่ออกมาดีขึ้น

Apple เปิดตัว iPhone 11

Apple เปิดตัว iPhone 11

Video สามารถซูมภาพเข้าออกและมุมกว้างได้ด้วยพร้อมกับระบบกันสั่นที่ดีขึ้น กว่าเดิม และรองรับ Dynamic Range รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K 60 FPS

กล้องหน้าอัปเกรดเป็น 12 ล้านพิกเซล รองรับ Dynamic Range และสามารถถ่ายภาพได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน รวมถึงการสร้าง Slow Motion ด้วยกล้องหน้าได้

Quick Take ถ่ายภาพและวิดีโอได้ด้วยความเร็วสูง และให้คุณภาพในการถ่ายวิดีโอได้ดี

Apple เปิดตัว iPhone 11 Apple เปิดตัว iPhone 11

ขุมพลังของ iPhone 11 จะมาพร้อมกับ Apple A13 Bionic ที่ติดตั้ง GPU ภายในตัว ทำให้การทำงานของเครื่องเร็วกว่า iPhone XR เดิมชัดเจน ทำให้การเล่นเกม Smooth มากขึ้น และยังรอบรับ WiFi 6 ด้วย

Apple เปิดตัว iPhone 11

แบตเตอรี่ อัปเกรดจาก iPhone XR มา อึดกว่า iPhone XR อีก 1 ชั่วโมง และ รองรับ Wireless Charge และ Quick Charge 18W ก็รองรับ แต่ว่าไม่ได้แถม adapter ในกล่องมาให้

Apple เปิดตัว iPhone 11

ราคาเริ่มต้น 699 ดอลล่าร์สหรัฐ (ประมาณ 21,xxx บาท)

iPhone 11 Pro / iPhone 11 Pro Max

iPhone 11 Pro / iPhone 11 Pro Max

รุ่นท็อปของ iPhone ใหม่มาแล้ว กับการเปลี่ยนแปลงเป็นวัสดุแบบที่ดูดีมากขึ้นใช้วัสดุใหม่และสีใหม่คือ Midnight Green, และมาพร้อมกับสีเทา, สีเงิน และ สีทองใหม่ ด้านหลังวัสดุแกร่งกว่าเดิม

iPhone 11 Pro / iPhone 11 Pro Max

จุดเด่นในเรื่องของหน้าจอที่มีการปรับปรุงรายละเอียดและสวยมากขึ้น รองรับ HDR+, Dolby VISION ทำให้หน้าจอเปลี่ยนชื่อเป็น Super Retina XDR และระบบเสียงยังเป็น Dolby ATMOS ผ่านลำโพงทั้งบนและล่าง

iPhone 11 Pro / iPhone 11 Pro Max

ขุมพลังยังมาพร้อมกับ Apple A13 Bionic ที่มี Machine Learning ที่เรียนรู้และปรับการทำงานเร็วขึ้นกว่าเดิม 6 เท่า และมีระบบควบคุมทำให้การทำงานเหมาะสมกับการทำงานทั้ง GPU และ CPU และยังเคลมว่าดีที่สุด อีกส่วนคือ Low Power Design มีการปรับปรุงเรื่องการใช้พลังงาน โดยยังคงมี 8.5 พันล้าน ทรานซิสเตอร์ภายใน ทำกับขุมพลังรุ่นนี้จะมีทั้งหมด 4 Core ที่มีการปรับปรุงให้กินพลังงานน้อยและอีก 2 Core จะเน้นประสิทธิภาพสูง และ Machine Learning จะมีการปรับเรื่องการทำงานให้เหมาะสม ขุมพลังจะทั้งหมด 6 Core โดยประหยัดพลังงาน 30% และ แรงขึ้น 20% รวมถึง GPU ก็ดีขึ้นด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์และความสามารถอื่นๆ เช่น

iPhone 11 Pro / iPhone 11 Pro Max iPhone 11 Pro / iPhone 11 Pro Max

แบตเตอรี่ของ iPhone 11 Pro จะอยู่ได้นานกว่า iPhone XS 4 ชั่วโมง และ iPhone XS Max 5 ชั่วโมง และมีที่ชาร์จ 18W ติดมาในกล่อง

iPhone 11 Pro / iPhone 11 Pro Max

iPhone 11 Pro / iPhone 11 Pro Max

กล้องหลังมีทั้งหมด 3 ตัว โดยกล้อง คู่แรกยังคงเหมือนเดิมคือ 12 ล้านพิกเซล Wide, 12 ล้านพิกเซล Telephoto และ 12 ล้านพิกเซล Ultra Wide และมีฟีเจอร์ Deep Fusion ให้ Machine Learning เรียนรู้รายละเอียดของภาพ

การถ่ายวิดีโอ รองรับ 4K 60 FPS, Dynamic Range และยังสามารถแก้ไขวิดีโอได้ง่าย และกล้องทั้ง 3 สามารถปรับความสว่างของภาพได้อัตโนมัติและยังทำให้การซูมภาพได้ Smooth

การแก้ไขวิดีโอใน Photos ปรับได้ตั้งแต่ความสว่าง สีสัน หรือการเลือก โทนสีของภาพได้ด้วย

iPhone 11 Pro / iPhone 11 Pro Max

นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัว โปรแกรมถ่ายวิดีโอระดับโปร ทำให้คุณเลือกมุมมองการถ่ายวิดีโอได้ทั้งหมด 3 รูปแบบ หรือจะถ่ายตัวเราก็ได้เช่นเดียวกัน ถือว่าเป็นโปรแกรมแบบ Multi Camera และเลือกเป็นแบบสัมภาษณ์ด้วยด้วย ความสามารถทั้งหมดนี้ต้องโหลดโปรแกรมนี้มีชื่อว่า Flimic Pro

ราคา iPhone 11 Pro / iPhone 11 Pro Max

ราคาของ iPhone 11 Pro เริ่มต้น 999 ดอลล่าร์สหรัฐ (ประมาณ 30,xxx บาท) และ 1,099 ดอลล่าร์สหรัฐ (33,xxx บาท)

ราคา iPhone 11 Pro / iPhone 11 Pro Max

ส่วน iPhone ที่ยังขายอยู่ในรุ่นเก่าคือ iPhone Xr ราคาจะลดลง 599 ดอลล่าร์สหรัฐ (ประมาณ 18,xxx บาท) และ iPhone 8 ราคาเริ่มต้น 449 ดอลล่าร์สหรัฐ (ประมาณ 13,xxx บาท)

นอกจากนี้ยังมีการเปิดเผยว่า จะมีการเปิดตัว Apple Watch Studio เพื่อให้คุณเลือก Style ได้มากขึ้น และ Apple Trade in โดยนำมือถือเก่าของ คุณมาเทรดและลดราคาระดับหนึ่ง แต่ยังเหมาะสมกับสหรัฐอเมริกา และมีกาปรับปรุง iPhone 5 th Avenue ให้มีความสวยงามมากขึ้น ในเดือนกันยายน 2019

ปิดท้ายด้วยระบบปฏิบัติการทั้ง iOS 13 จะปล่อยให้โหลด 20 กันยายน นี้, iPad OS ปล่อยให้โหลด 1 ตุลาคม นี้ และสุดท้าย macOS Catarina ยังไม่เปิดเผย

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here