สีของเพชร
สีของเพชร
หลักการพื้นฐานที่ใช้พิจารณาคุณภาพของเพชร จะใช้หลัก 4 ประการด้วยกัน ที่เรียกกันว่า 4Cs ประกอบด้วย 1. Color ( สีของเพชร) 2. Clarity ( ความบริสุทธิ์) 3. Carat ( น้ำหนักเพชรเทียบเป็นกะรัต) 4. Cut ( รูปแบบและทรงการเจียระไน)
หลักการพื้นฐานที่ใช้พิจารณาคุณภาพของเพชร จะใช้หลัก
4 ประการด้วยกัน ที่เรียกกันว่า 4Cs ประกอบด้วย 1. Color ( สีของเพชร) 2. Clarity ( ความบริสุทธิ์) 3. Carat ( น้ำหนักเพชรเทียบเป็นกะรัต) 4. Cut ( รูปแบบและทรงการเจียระไน)
ประการด้วยกัน ที่เรียกกันว่า
ประกอบด้วย
สีของเพชร)
ความบริสุทธิ์)
น้ำหนักเพชรเทียบเป็นกะรัต)
รูปแบบและทรงการเจียระไน)
ทำไมเพชรถึงมีสี
ทำไมเพชรถึงมีสี
การเกิดสีของเพชรมาจากคาร์บอนในเพชร เมื่อได้รับความร้อนหรือสารเคมีที่เป็นองค์ประกอบอื่น ๆ จะทำให้เพชรมีสีแตกต่างออกไป เช่น เพชรสีเหลืองมีธาตุไนโตรเจนเป็นองค์ประกอบอยู่ด้วย สีน้ำเงินอาจมีไทเทเนียมและเหล็กเจือปน หรือสีแดงเกิดจากมีโครเมียมเจือปน ส่วนเพชรชมพูนั้นเกิดจากโครงสร้างของตัวเพชรเอง ส่วนสีเขียวเป็นเพชรที่ได้รับรังสี ซึ่งกระบวนการเหล่านี้ทำให้เกิดเป็นเพชรแฟนซีที่มีสีสันแตกต่างออกไป และราคาแพงมากกว่าสีขาวเนื่องจากหายาก อย่างไรก็ตามเพชรสีขาวใสสะอาดยังคงเป็นที่นิยมมากกว่าเพชรแฟนซี แต่ในปัจจุบันได้มีผู้ผลิตหลายรายนำเพชรสีขาวมาปรับปรุง คุณภาพเพื่อให้เกิด เป็นเพชรสีแฟนซีต่าง ๆ ขึ้น เช่น ทำการอบ การเผา หรือการฉายรังสี ทำให้เกิดสีต่าง ๆ เช่น สีเขียว สีเหลือง และสีฟ้า เป็นต้น น้ำกับการจัดกลุ่มเพชร เมื่อกำหนดขนาดของเพชรแล้ว สิ่งที่ผู้ซื้อจะต้องคำนึงถึงในลำดับต่อมาก็คือ สีของเพชร หรือที่คนไทยเรียกกันติดปากว่า "น้ำ"
การเกิดสีของเพชรมาจากคาร์บอนในเพชร เมื่อได้รับความร้อนหรือสารเคมีที่เป็นองค์ประกอบอื่น ๆ
จะทำให้เพชรมีสีแตกต่างออกไป เช่น เพชรสีเหลืองมีธาตุไนโตรเจนเป็นองค์ประกอบอยู่ด้วย สีน้ำเงินอาจมีไทเทเนียมและเหล็กเจือปน
หรือสีแดงเกิดจากมีโครเมียมเจือปน ส่วนเพชรชมพูนั้นเกิดจากโครงสร้างของตัวเพชรเอง ส่วนสีเขียวเป็นเพชรที่ได้รับรังสี
ซึ่งกระบวนการเหล่านี้ทำให้เกิดเป็นเพชรแฟนซีที่มีสีสันแตกต่างออกไป และราคาแพงมากกว่าสีขาวเนื่องจากหายาก
อย่างไรก็ตามเพชรสีขาวใสสะอาดยังคงเป็นที่นิยมมากกว่าเพชรแฟนซี แต่ในปัจจุบันได้มีผู้ผลิตหลายรายนำเพชรสีขาวมาปรับปรุง
คุณภาพเพื่อให้เกิด เป็นเพชรสีแฟนซีต่าง ๆ ขึ้น เช่น ทำการอบ การเผา หรือการฉายรังสี ทำให้เกิดสีต่าง ๆ เช่น สีเขียว สีเหลือง และสีฟ้า เป็นต้น
น้ำกับการจัดกลุ่มเพชร
น้ำกับการจัดกลุ่มเพชร
เมื่อกำหนดขนาดของเพชรแล้ว สิ่งที่ผู้ซื้อจะต้องคำนึงถึงในลำดับต่อมาก็คือ สีของเพชร หรือที่คนไทยเรียกกันติดปากว่า "น้ำ"
การจำแนกสีของเพชรจะมีทั้งหมด 23 ระดับ ตั้งแต่ D ไปจนถึง Z โดยที่ D คือ เพชรที่มีน้ำ 100 เป็นเพชรระดับไร้สีที่ดีที่สุด ไปจนถึง Z ที่จะมีสีเหลืองสด และถูกจำแนกเป็นเพชรสีแฟนซี ( Fancy Color Diamond) สถาบัน อัญมณีศาสตร์ชั้นนำได้ทำการการจัดกลุ่มเพชร โดยจัดให้เพชรที่มีสี D, E, F( น้ำ 100, 99, 98) เท่านั้น
การจำแนกสีของเพชรจะมีทั้งหมด
23 ระดับ ตั้งแต่ D ไปจนถึง Z โดยที่ D คือ เพชรที่มีน้ำ 100 เป็นเพชรระดับไร้สีที่ดีที่สุด
ระดับ ตั้งแต่
ไปจนถึง
โดยที่
คือ เพชรที่มีน้ำ
เป็นเพชรระดับไร้สีที่ดีที่สุด
ไปจนถึง
Z ที่จะมีสีเหลืองสด และถูกจำแนกเป็นเพชรสีแฟนซี ( Fancy Color Diamond)
ที่จะมีสีเหลืองสด และถูกจำแนกเป็นเพชรสีแฟนซี (
สถาบัน อัญมณีศาสตร์ชั้นนำได้ทำการการจัดกลุ่มเพชร โดยจัดให้เพชรที่มีสี
D, E, F( น้ำ 100, 99, 98) เท่านั้น
น้ำ
เท่านั้น
ที่จัดอยู่ในกลุ่มเพชรไร้สี ( Colorless) ซึ่งเป็นกลุ่มที่หายากและมีราคาสูงที่สุด สำหรับจิวเวลรี่โดยทั่วไป
ที่จัดอยู่ในกลุ่มเพชรไร้สี (
Colorless) ซึ่งเป็นกลุ่มที่หายากและมีราคาสูงที่สุด สำหรับจิวเวลรี่โดยทั่วไป
ซึ่งเป็นกลุ่มที่หายากและมีราคาสูงที่สุด สำหรับจิวเวลรี่โดยทั่วไป
เพชรที่มีน้ำ 97-96-95-94 (G-H-I-J) เป็นเพชรที่ได้รับความนิยม เนื่องจากคุ้มค่าทั้งในแง่ของราคาและคุณภาพ
เพชรที่มีน้ำ
97-96-95-94 (G-H-I-J) เป็นเพชรที่ได้รับความนิยม เนื่องจากคุ้มค่าทั้งในแง่ของราคาและคุณภาพ
เป็นเพชรที่ได้รับความนิยม เนื่องจากคุ้มค่าทั้งในแง่ของราคาและคุณภาพ
เมื่อนำมาประดับตัวเรือนทองหรือทองคำขาวก็มีความสวยงามแล้ว
เมื่อนำมาประดับตัวเรือนทองหรือทองคำขาวก็มีความสวยงามแล้ว
ทำไมการจำแนกสีเพชรจึงเริ่มต้นที่ D? การจำแนกสีเพชรโดยใช้ระบบของ GIA จะมีทั้งหมด 23 ระดับ ตั้งแต่ D - Z ซึ่งที่มาของการเริ่มต้นด้วยอักษร D นั้น เนื่องจากก่อนที่จะกำหนดระบบนี้ขึ้นมา อุตสาหกรรมเพชรมีการกำหนดวิธีการจำแนกเพชรในรูปแบบต่าง ๆ กันไป เช่น จำแนกเป็น AA หรือ ใช้ตัวเลขอารบิค 0,1,2,3 หรือเลขโรมัน I, II, III หรือใช้คำศัพท์ระบุว่า Blue White / Gem Blue เพื่อให้ระบบของ GIA มีความเป็นเอกลักษณ์และไม่ซ้ำกับระบบที่ใช้อยู่เดิม จึงได้กำหนดให้เริ่มต้นด้วยอักษร D ซึ่งในปัจจุบันแม้ว่าระบบอื่น ๆ จะยังคงมีผู้ใช้อยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีระบบใดที่ชัดเจนและได้รับการยอมรับอย่างเป็นสากลเท่ากับระบบที่ กำหนดโดย GIA วิธีดูสีเพชรแบบง่าย ๆ
ทำไมการจำแนกสีเพชรจึงเริ่มต้นที่ D?
ทำไมการจำแนกสีเพชรจึงเริ่มต้นที่
D?
การจำแนกสีเพชรโดยใช้ระบบของ GIA จะมีทั้งหมด 23 ระดับ ตั้งแต่ D - Z ซึ่งที่มาของการเริ่มต้นด้วยอักษร D นั้น เนื่องจากก่อนที่จะกำหนดระบบนี้ขึ้นมา อุตสาหกรรมเพชรมีการกำหนดวิธีการจำแนกเพชรในรูปแบบต่าง ๆ กันไป เช่น จำแนกเป็น AA หรือ ใช้ตัวเลขอารบิค 0,1,2,3 หรือเลขโรมัน I, II, III หรือใช้คำศัพท์ระบุว่า Blue White / Gem Blue เพื่อให้ระบบของ GIA มีความเป็นเอกลักษณ์และไม่ซ้ำกับระบบที่ใช้อยู่เดิม จึงได้กำหนดให้เริ่มต้นด้วยอักษร D ซึ่งในปัจจุบันแม้ว่าระบบอื่น ๆ จะยังคงมีผู้ใช้อยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีระบบใดที่ชัดเจนและได้รับการยอมรับอย่างเป็นสากลเท่ากับระบบที่ กำหนดโดย GIA วิธีดูสีเพชรแบบง่าย ๆ
การจำแนกสีเพชรโดยใช้ระบบของ GIA จะมีทั้งหมด 23 ระดับ ตั้งแต่ D - Z ซึ่งที่มาของการเริ่มต้นด้วยอักษร D นั้น
GIA จะมีทั้งหมด 23 ระดับ ตั้งแต่ D - Z ซึ่งที่มาของการเริ่มต้นด้วยอักษร D นั้น
จะมีทั้งหมด
ระดับ ตั้งแต่
ซึ่งที่มาของการเริ่มต้นด้วยอักษร
นั้น
เนื่องจากก่อนที่จะกำหนดระบบนี้ขึ้นมา อุตสาหกรรมเพชรมีการกำหนดวิธีการจำแนกเพชรในรูปแบบต่าง ๆ กันไป
เช่น จำแนกเป็น AA หรือ ใช้ตัวเลขอารบิค 0,1,2,3 หรือเลขโรมัน I, II, III หรือใช้คำศัพท์ระบุว่า Blue White / Gem Blue
AA หรือ ใช้ตัวเลขอารบิค 0,1,2,3 หรือเลขโรมัน I, II, III หรือใช้คำศัพท์ระบุว่า Blue White / Gem Blue
หรือ ใช้ตัวเลขอารบิค
หรือเลขโรมัน
หรือใช้คำศัพท์ระบุว่า
เพื่อให้ระบบของ GIA มีความเป็นเอกลักษณ์และไม่ซ้ำกับระบบที่ใช้อยู่เดิม จึงได้กำหนดให้เริ่มต้นด้วยอักษร D
GIA มีความเป็นเอกลักษณ์และไม่ซ้ำกับระบบที่ใช้อยู่เดิม จึงได้กำหนดให้เริ่มต้นด้วยอักษร D
มีความเป็นเอกลักษณ์และไม่ซ้ำกับระบบที่ใช้อยู่เดิม จึงได้กำหนดให้เริ่มต้นด้วยอักษร
ซึ่งในปัจจุบันแม้ว่าระบบอื่น ๆ จะยังคงมีผู้ใช้อยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีระบบใดที่ชัดเจนและได้รับการยอมรับอย่างเป็นสากลเท่ากับระบบที่
กำหนดโดย GIA
GIA
วิธีดูสีเพชรแบบง่าย ๆ
วิธีดูสีเพชรแบบง่าย ๆ
1. วางเพชรต้นแบบลงบนถาดสีขาว ด้วยการคว่ำหน้า โดยจัดเรียงตามลำดับสีจากสี D…E…F…G… เป็นต้น
1. วางเพชรต้นแบบลงบนถาดสีขาว
ด้วยการคว่ำหน้า โดยจัดเรียงตามลำดับสีจากสี
เป็นต้น
2. นำเพชรที่ต้องการประเมินคุณภาพสีมาวาง เทียบด้วยการคว่ำหน้าเพชรทางด้านซ้ายของ D แล้วพิจารณาตรงพาวิเลียนว่าสีเท่ากับ D หรือไม่ ถ้ามีสีที่เข้มกว่าก็ให้คีบเพชรมาวางด้านขวาของ D แล้วพิจารณาว่าสีเท่ากับ D หรือไม่ ถ้ามีสีเข้มกว่าก็ให้คีบเพชรมาวางด้านซ้ายของ E แล้วพิจารณาเปรียบเทียบเช่นนี้จนกว่าจะพบระดับสีที่ตรงกันเกี่ยวกับระดับสีของเพชรเลยนำมาแบ่งปันข้อมูลกัน
2. นำเพชรที่ต้องการประเมินคุณภาพสีมาวาง
เทียบด้วยการคว่ำหน้าเพชรทางด้านซ้ายของ
แล้วพิจารณาตรงพาวิเลียนว่าสีเท่ากับ
หรือไม่ ถ้ามีสีที่เข้มกว่าก็ให้คีบเพชรมาวางด้านขวาของ
แล้วพิจารณาว่าสีเท่ากับ
หรือไม่ ถ้ามีสีเข้มกว่าก็ให้คีบเพชรมาวางด้านซ้ายของ
แล้วพิจารณาเปรียบเทียบเช่นนี้จนกว่าจะพบระดับสีที่ตรงกันเกี่ยวกับระดับสีของเพชรเลยนำมาแบ่งปันข้อมูลกัน